1.8.54

คิดนอกกรอบ

ความคิดนอกกรอบอาจใช้ประโยชน์จากการเพิ่ม
ปริมาณความคิดให้เป็นทางเลือกได้หลาก
หลายยิ่งขึ้น อันอาจพิจารณาในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
 1.  สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆการคิดนอกกรอบทำให้เกิดจินตนา-การที่ช่วยให้คิดและคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า มีความ
คิดในการที่จะทดลองความคิดใหม่ๆ และพร้อมที่จะแก้ไขเปลี่ยน-แปลงแนวคิดและวิธีการปฏิบัติงานที่ทำติดต่อกันมา โดยยอมรับในผลได้แบบเดิม เหมือนชาวนาที่ได้รับยกย่องว่าเป็นกระดูกสันหลังของ
ชาติ แต่เรามักเห็นซี่โครงเด่นชัด เพราะชาวนาที่ยังคิดติดกรอบว่าต้องขยันขันแข็ง หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินพึ่งฝนฟ้า ถ้าปีไหนฝนไม่แล้งน้ำไม่ท่วม นาไม่ล่ม การเก็บเกี่ยวได้ผล ขายข้าวได้ราคาก็จะบวชลูกเพื่อเกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ในชาติหน้า แต่ชาวนาที่คิดและทำตามทฤษฎีใหม่ทำไร่นาสวนผสมก็จะมีกินมีใช้ตลอดปีไม่ต้องจำนำข้าวเปลือกและกู้เงินนอกระบบมาซื้อปุ๋ยเคมีเหมือนที่ทำมาปีแล้วปีเล่า ก็จะมีชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง

2. พัฒนาคน 
การคิดนอกกรอบจะมีผลโดยตรงในการสร้างการเรียนรู้ แบบคิดใหม่ทำใหม่ด้วยความเชื่อ-มั่นในตนเอง ทำให้เกิดความรับผิดชอบสิ่งที่ตนเป็นเจ้าของความคิด มีความมุ่งมั่นรับผิดชอบให้ความคิดของ
ตนนำไปสู่ผลสำเร็จ มีความมานะและขยันอดทนมากกว่าการคิดติดกรอบอยู่แบบเดิม กล้าคิดกล้าแสดงออกด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ส่งผลให้เกิดความคิดในทางบวก ยอมรับพิจารณาความคิดที่แตกต่างมีทักษะในการฟังและตีความได้ดียิ่งขึ้น ยอมรับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์และควบคุมอารมณ์ได้ มีความสามารถในการวิเคราะห์และแก้ปัญหาจากการคิดนอกกรอบกลายเป็นคนทันสมัย ทำงานฉับไว ทันเหตุการณ์ เพราะความคิดนอกกรอบ  ทำให้เป็นคนรอบรู้  มีความพากเพียรอดทน การประยุกต์ใช้ความคิดนอกกรอบในการพัฒนาคนควรคำนึงถึงแผนพัฒนาบุคลากรเป็นหลัก แต่ก็ไม่ควรนำแผนพัฒนาบุคลากรไปเป็นอุปสรรคสกัดกั้นไม่ให้มีความคิดนอกกรอบ เพราะความคิดนอกกรอบในทางบวกไม่ก่อให้เกิดผลร้ายใดๆ หากได้ มีการพิจารณาอย่างถี่ถ้วน

3.พัฒนางาน 
การนำความคิดนอกกรอบมาปรับปรุงและพัฒนางานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการทำงานในปัจจุบันมิใช่เพียงทำงานให้สำเร็จเท่านั้น จะต้องเทียบเคียงกับคู่แข่งและวัดรอยธุรกิจที่ใหญ่กว่าด้วย จึงต้องประยุกต์ใช้ความคิดนอกกรอบให้เกิดการพัฒนางานเป็นนวัตกรรมด้วยการคิดนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ให้เกิดผล ด้วยการมี มุมมองที่กว้างไกล แสวงหาความคิดที่จะนำมาปรับปรุงงานตามระบบไคเซ็นที่เป็นการคิดปรับปรุงงานอย่างต่อเนื่อง แม้แต่จะเป็นการคิดปรับปรุงทีละเล็กทีละน้อยก็ตาม การคิดนอกกรอบจะช่วยในการบริหารงานด้วยการคิดว่ามีแผนงานและการทำงานเป็นขั้นตอนดีแล้วหรือยัง มีวิธีการทำงานเพียง
วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้นหรือ มีเครื่องมือ เครื่องใช้และอุปกรณ์เหมาะสมและเพียงพอแก่การทำงานให้ประสพความสำเร็จหรือไม่ หรือมีมากเกินความจำเป็นจะต้องลดลง หรือจัดรวมเข้าด้วยกัน จัดเรียบเรียงใหม่ หรือทำให้ง่ายขึ้น

4.พัฒนาองค์กร การคิดนอกกรอบที่จะนำไปสู่การพัฒนาองค์กร นอกเหนือจากการคิดปรับปรุงงานแล้ว ควรจะต้องเป็นความคิดที่สร้างจิตสำนึกต่อคุณภาพงาน อันจะมีผลต่อการพัฒนาองค์กร ดังนั้นจึงต้องส่งเสริมความคิดนอกกรอบเพื่อให้บุคลากรมีภาวะที่จิตตื่นและรู้ตัวสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าในการทำให้องค์กรมีความ
เจริญเติบโตทั้งในการคิดและการตัดสินใจในการร่วมกันทำงานเป็นทีม เพื่อให้มีการร่วมในการทำงานอย่างแข็งขัน ด้วยการสนับสนุนซึ่งกันและกัน ทำงานให้บรรลุเป้าหมาย มีความเชื่อมั่นในองค์กร ด้วยการกระทำที่บ่งชี้ถึงความเข้าใจในวัตถุประสงค์และแนวทางการดำเนินงานขององค์กร มีความศรัทธาในอุดมการณ์และเป้าหมายขององค์การ ไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียใดๆ แก่องค์กร กระตือรือร้น
ที่จะปรับปรุงงานให้ดีขึ้นมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ความคิดนอกกรอบจะช่วยให้มีสายตายาวไกลมองไปข้างหน้าไม่ยึดติดกับอดีต หรือปัจจุบันพร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง
ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทุ่มเทเสียสละเพื่อส่วนรวม

5.เพิ่มประสิทธิภาพ 
การคิดนอกกรอบเพื่อให้เกิดประโยชน์ควรเป็นความคิดนอกกรอบที่ทำให้เกิดผลได้มากขึ้นด้วยการใช้ปัจจัยในการทำงาน ทั้งกำลังคน เงินทุน วัสดุและเวลาเท่าเดิม หรือคิดถึงการทำงานที่ทำให้เกิดผลได้เท่าเดิม แต่สามารถลดปัจจัยในการทำงานลงยิ่งสามารถเพิ่มผลได้และลดปัจจัยในการทำงานลงได้ยิ่งดี การคิดนอกกรอบสามารถคิดในทางเพิ่มผลได้ในเบื้องต้น แต่ถ้าหากมีอุปสรรค หรือข้อจำกัดในการเพิ่มผลได้ก็จะต้องคิดหาทางในการลดปัจจัยในการทำงาน เพราะในหลายกรณี การคิดหาทางปรับลดปัจจัยในการทำงานจะทำได้ง่ายและสะดวกกว่า การคิดนอกกรอบในการเพิ่มประสิทธิภาพสามารถทำได้เป็น
ส่วนบุคคลและใช้การคิดร่วมกันเป็นกลุ่ม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความร่วมมือร่วมใจทำงานเป็นทีมและได้รับการสนับสนุนความคิดนอกกรอบที่เกิดจากความเห็นพ้องต้องกันได้ดีกว่า

6.ทำให้เกิดประสิทธิผล
 การคิดนอกกรอบที่ยึดวัตถุประสงค์เป็นหลักจะช่วยให้ความคิดนอกกรอบได้รับการยอมรับ เพราะวัตถุ-ประสงค์ของทุกองค์กรก็เป็นสิ่งที่องค์กรต้องการให้เกิด ให้มี ให้เป็น หรือให้ได้รับ ดังนั้น ผู้ซึ่งคิดนอกกรอบจึงจำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ขององค์กรให้ถ่องแท้ จะต้องนำวัตถุประสงค์ขององค์กรมากำหนดเป็นเป้าหมาย เป็นจำนวน หรือระดับที่สามารถวัดได้ หรือประเมินได้ ด้วยการเปรียบเทียบผลของการกระทำตามความคิดนอกกรอบ เปรียบเทียบกับเป้าหมายที่มีระยะเวลากำหนดไว้ การคิดนอกกรอบที่นำมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ดังกล่าวมาข้างต้น สามารถจะพิจารณาแยกย่อยในการประยุกต์ใช้ในแต่ละกรณีเป็นการเฉพาะได้อีก ด้วยการเพิ่มมุมมองในการคิดนอกกรอบให้ตรงความต้องการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น